เกี่ยวกับบทความ

ผู้เขียน :

راشد بن حسين العبد الكريم

วันที่ :

Sat, Oct 22 2016

ประเภท :

Morals & Ethics

ห้ามการอิจฉา


ห้ามการอิจฉา
] ไทย – Thai – تايلاندي [

 

 


ดร.รอชิด บิน หุเสน อัล-อับดุลกะรีม

 

แปลโดย : สะอัด วารีย์
ตรวจทานโดย : ฟัยซอล อับดุลฮาดี
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุรูส อัล-เยามียะฮฺ มิน อัส-สุนัน วะ อัล-อะห์กาม อัช-ชัรอียะฮฺ, เว็บ al-islam.com

 

2014 - 1435
 
 

النهي عن الحسد
« باللغة التايلاندية »

 

 

د. راشد بن حسين العبد الكريم

 

ترجمة: سعد واري
مراجعة: فيصل عبدالهادي
المصدر:  كتاب الدروس اليومية من السنن والأحكام الشرعية
موقع الإسلام  www.al-islam.com

 


2014 - 1435
 


ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ห้ามการอิจฉา
ท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا تَبَاغَضوا وَلا تَحَاسَدوا وَلَا تَدَابَروا وَلا تَقَاطَعوا وَكُونُوا عِبَادَ اللهِ إِخْوانا، لَا يَحِل لِمُسْلِمٍ أَن يَهْجُرَ أَخَاه فَوْقَ ثَلَاث» [متفق عليه[
“พวกท่านจงอย่าโกรธกัน อย่าอิจฉากัน อย่าหันหลังให้กัน อย่าตัดสัมพันธ์กัน และจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺฉันท์พี่น้อง ไม่อนุญาตให้มุสลิมคนใดหมางเมินพี่น้องของเขาเกินกว่าสาม(วัน)” บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا تَحَاسَدوا وَلَا تَنَاجَشوا وَلَا تَبَاغَضوا وَلَا تَدَابَروا وَلَا يَبِعْ بَعْضُكم عَلى بَيْعِ بَعْض، وَكُوْنُوا عِبَادَ اللهِ إِخْوانا، المُسْلِم أَخو المسلم: لَا يُظْلِمه وَلَا يَخْذِلُه وَلَا يَكْذِبُه وَلَا يَحْقِرُه، التَقْوَى ههنا - يُشِيْر إِلى صَدْرِه، ثَلَاثَ مَرّاتٍ- بِحَسْبِ امْرِيءٍ مِن الشّر أَن يَحْقِرَ أَخاه المسلم، كُلّ المسلم على المسلم حرامٌ دَمُهُ وَمَالُهُ وَعِرْضُهُ» [أخرجه مسلم[
“พวกท่านจงอย่าอิจฉากัน จงอย่าล่อลวงกัน จงอย่าจงหันหลังให้กัน และบางคนจงอย่าขายตัดหน้าของอีกบางคน และจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺฉันท์พี่น้อง มุสลิมเป็นพี่น้องของมุสลิม ไม่อธรรมเขา ไม่เหยียบย่ำเขา ไม่โกหกใส่เขา และไม่เหยียดหยามเขา และความยำเกรง(ตักวา)อยู่ตรงนี้ –ท่านได้ชี้ตรงหน้าอกของท่าน 3 ครั้ง- คนๆหนึ่งทำบาปมากพอแล้วกับการดูแคลนพี่น้องมุสลิมของเขา บรรดามุสลิมกับมุสลิมนั้นที่เป็นต้องห้ามกัน ทั้งเลือดเนื้อของเขา ทรัพย์สินของเขา และเกียรติของเขา” บันทึกโดยมุสลิม
ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا حَسَدَ إِلّا فِي اثْنَتَيْنِ: رَجُلٌ آتاهُ اللهُ مَالًا فَسَلَّطَه عَلى هَلَكَتِهِ بِالحَقّ (أي: إِنفَاقُه) ، وَرَجُلٌ آتاهُ اللهُ الحِكْمَةَ فَهُوَ يَقْضِي بِها وَيُعَلِّمُها» [متفق عليه[
“ไม่มีการอิจฉาใด(อนุญาตให้ทำได้)เว้นแต่สองประการ คือ คนๆหนึ่ง อัลลอฮฺให้เขามีทรัพย์สิน(มากมาย) แล้วเขาก็จัดการมันให้หมดไปในทางอันชอบ(คือใช้ในหนทางของอัลลอฮฺ) และคนๆหนึ่งที่อัลลอฮฺให้เขามี ฮิกมะฮฺ (คือรู้จักใช้ปัญญา) แล้วเขาก็ใช้มัน(กับตัวเอง) และสอนมัน(ให้ผู้อื่น)”   บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม
(คำว่า ไม่มีการอิจฉา คือ ไม่ควรที่คนใดจะถูกอิจฉา เว้นแต่เขามีข้อใดข้อหนึ่งในสองลักษณะนี้)

อธิบาย
    ความอิจฉา คือ ความไม่อยากเห็นสิ่งดีงามเกิดขึ้นกับผู้อื่น และหวังให้มันมลายสิ้นไป มันเป็นลักษณะที่น่ารังเกียจที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้ห้ามเอาไว้เพราะมันเป็นบ่อเกิดความเสียหายในระหว่างมุสลิม และเกิดความไม่พอใจต่อกัน และยังเป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายกันได้ และท่านรสูล  ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกอีกว่า การหวังอยากมีเหมือนคนอื่นเพื่อจะได้แข่งขันทำความดีในเรื่องศาสนานั้นไม่ถือเป็นการอิจฉาที่น่าตำหนิ
 ประโยชน์ที่ได้รับ
•    ห้ามการอิจฉาระหว่างมุสลิม
•    การอยากได้ทำดีเหมือนคนอื่นไม่ใช่เป็นการอิจฉา